บทสัมภาษณ์ 4 : คอนเสิร์ตคืนสู่ธรรมชาติ ปี 2540
เย็นวันที่ 25 พค. 40 เปรียบได้กับช่วงเวลาอันสำคัญยิ่ง สำหรับบรรดาขาร็อคทั้งหลาย ที่มีจุดมุ่งหมาย ร่วมในสิ่งเดียวกัน คือ ชมคอนเสิร์ท "Return To The Nature" ของ "ดอนผีบิน" ที่ระเบิดขึ้นบนเวทีหอประชุม A.U.A AUDITORIUM... ในไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้เอง!!!!!!!!!
ผู้คนคึกคักเต็มไปทั่วบริเวณพื้นที่ด้านล่าง ต่างใจจดใจจ่อเฝ้ารอคอยเวลาที่ ประตูสวรรค์กำลังจะเบิก รับอยู่ตรงหน้า เวลาได้ล่วงเลยมา จนถึงบ่าย 4 โมงครึ่ง นาทีระทึกจึงได้เริ่มบรรเจิดขึ้น ณ ภายในหอประชุมแห่งนี้
เสียงบทกล่าวนำกู่ก้องกระหึ่ม กล่าวถึงต้นตำนานเนินดอน จุดยุทธศาสตร์แห่งอดีตกาล อันเป็นจุดกำเหนิด วงสปีด เมทัล หมายเลข 1 ของไทย นาม "ดอนผีบิน"
เริ่มที่เสียงกรีดสายกีตาร์อันแพรวพราวแทนคำทักทายของพี่สมบัติ ตามด้วยเสียงกลองที่ครวญระห่ำ โดยพี่สมศักดิ์ เสียงกระชากคอร์ดที่แสนดุดันของพี่สมคิด และศิลปินรับเชิญให้เป็นผู้รับหน้าที่กระซวกสายเบสในงานนี้ ก็คือ พี่อุกฤษพิทักษ์ ประชากิจ ซาวด์เอนจิเนียร์ ที่เคยผ่านการร่วมงานกัยดอนผีบิน มาตั้งแต่ผลงานชุดแรก
ซึ่ง พี่สมบัติ และ พี่สมคิด ออกมาวาดลวดลาย โซโล่กีตาร์ คั่นเวลา และเป็นการให้คนดูได้พักผ่อนคลายลงบ้าง ก่อนที่จะเริ่มขับกล่อมกันต่อในเพลง "ตายก่อนกาล" "สองฟากฝั่ง" ช่วงนี้ซาวด์จากเดิมที่ดีอยู่แล้ว กลับดียิ่งขึ้นไปอีก(ชัดมากกว่าช่วงแรก) อันดีต้องยกนิ้วให้คน Mix ว่าพี่แก่เก่งจริงๆ ว่ะ
ลีลาบนเวทีของพี่ท่านแต่ละคนบอกได้เลยว่า "เยี่ยม" คงเพราะแต่ละคนรู้ในหน้าที่ของตัวเองดี การแสดงจึงมี ประสิทธิภาพขนาดนี้และรู้สึกได้ถึงการซักซ้อมที่แสนหนัก การเตรียมงานที่แสนเหนื่อย แต่ทว่าทางค่ายก็มองไม่เห็นคุณค่าของคำว่า "ทุ่มเท" มากกว่าคำว่า "เม็ดเงิน" หรอกว่ะ ต่อกันด้วยเพลง "รุ่งเรือง" "ก่อนจะไร้ซึ่งวิญญาณ" แล้วพักเหนื่อยกันอีกที เหลือบดูหน้าปัด ที่ข้อมือก็ประมาณ 17:40 น. เป็นเรื่องธรรมดาของแนวเพลงที่ต้องใช้พลัง อย่างมากโขในการขับขาน จำเป็นยิ่งที่ต้องคั่น เวลาเป็นระยะๆ ทั้งได้ประชาสัมพันธ์ถึง การร่วมสมทบทุน "โครงการอนุรักษ์ ป่าต้นน้ำภูสัน" จ.น่าน ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ ที่หาสัมผัสได้ ยากในปัจจุบัน และนั้นก็เป็นอีกจุดประสงค์ นึงของการจัดคอนเสิร์ทนี้ด้วย
เป็นการจัดคอนเสิร์ต ที่ไม่ได้มีทางค่ายใหญ่อย่าง Warner เข้ามารองรับด้านทุนแต่อย่างใด เว้นแต่เสียแต่ด้าน ประชาสัมพันธ์และสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดงานเท่านั้น ซึ่งอาจเล็งเห็นผลที่ออกมานั้นมันไม่ได้คุ้มทุนอย่างไอ้พวกคอนเสิร์ต "ควายหัวดอ" อะไรเทือกนั้นหรอก! แต่สำหรับงานนี้เราเน้นความมันส์สะใจกันที่มนต์เสน่ห์ของแนวดนตรี มากกว่าความสะใจที่ได้เห็นพวก "คนดูโง่เง่า ปัญญาหมา ห่าเหี้ย เชือดเฉือนกันเอง"
มาถึงช่วงสุดท้ายก็คงสุดเหวี่ยงกันชนิดไม่ต้องยั้งจนจบด้วย "อุบาทว์-อุบัติ" "วิถีทาง" "ทำไม"(เพลงเดียวใน อัลบั้มแรกที่เล่นในวันนั้น) คนดูยังคงมันส์ขลังอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเพื่อให้สมกับที่ตั้งหน้าตั้งตา ตั้งใจรอคอยมานาน แล้วก็ถึง เพลง "สุดแท้ทางเดิน" เป็นเพลงจบที่เหมือนกับจะสั่งลา การแยกย้ายด้วยความประทับใจในย่ำค่ำคืนนี้
งานนี้เลิกลาเอาตอนเกือบๆ 6โมงเย็นช่างเป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งอันแสนวิเศษ และมีค่ามากมายที่เฝ้ารอคอย กันมานับหลายแรมหลายปีหรือเกือบๆ ครึ่งเส้นทางของพี่ๆ ดอนผีบินรวมทั้งบรรดาแหนเพลงขาร็อคทั้งหลายที่ต่างกำลังทะยอยออก จากเวทีหอประชุม AUA ก้าวหน้าเดินสู่โลกอัปรีย์แห่งความเป็นจริงกันต่อไป....
ผู้คนคึกคักเต็มไปทั่วบริเวณพื้นที่ด้านล่าง ต่างใจจดใจจ่อเฝ้ารอคอยเวลาที่ ประตูสวรรค์กำลังจะเบิก รับอยู่ตรงหน้า เวลาได้ล่วงเลยมา จนถึงบ่าย 4 โมงครึ่ง นาทีระทึกจึงได้เริ่มบรรเจิดขึ้น ณ ภายในหอประชุมแห่งนี้
เสียงบทกล่าวนำกู่ก้องกระหึ่ม กล่าวถึงต้นตำนานเนินดอน จุดยุทธศาสตร์แห่งอดีตกาล อันเป็นจุดกำเหนิด วงสปีด เมทัล หมายเลข 1 ของไทย นาม "ดอนผีบิน"
เริ่มที่เสียงกรีดสายกีตาร์อันแพรวพราวแทนคำทักทายของพี่สมบัติ ตามด้วยเสียงกลองที่ครวญระห่ำ โดยพี่สมศักดิ์ เสียงกระชากคอร์ดที่แสนดุดันของพี่สมคิด และศิลปินรับเชิญให้เป็นผู้รับหน้าที่กระซวกสายเบสในงานนี้ ก็คือ พี่อุกฤษพิทักษ์ ประชากิจ ซาวด์เอนจิเนียร์ ที่เคยผ่านการร่วมงานกัยดอนผีบิน มาตั้งแต่ผลงานชุดแรก
"ทางเดินเดิม" ในอัลบั้มล่าสุด "สองฟากฝั่ง" เป็นเพลงแรกเบิกทางในการขับกล่อมบรรยากาศ ต่อด้วย เพลง "เลือน ลาง-รำไร" ในชุดเดียวกัน ความรุนแรงของพลังคลื่นขลัง ได้สะกดคนดูให้เมา มันส์กับมนต์เสน่ห์ของบทเพลงโขยก ประสาท ที่กำลังชำแรกแทรกผ่านทั่วทุกอนู 2 รูโสต อย่างไม่ใยดี ไม่ยี่หระว่าโลกระยำภายนอกจะเป็นอย่างไร ตามด้วยอีกหลายเพลง ในอัลบั้มต่างๆ ที่บรรจงพรั่งพรูออกมา ราวกับสายน้ำที่กำลังไหลหลาก ไม่ว่าจะ "เมืองมรณา" "ดีใจหาย" "ทบทวนทาง" "ทางท้าทาย" และ "สิ้นสุดความหมายแห่งการดำรง"(Inst.) แล้วเบรคหยุดพักหายใจ หายคอกันทั่วท้อง
ซึ่ง พี่สมบัติ และ พี่สมคิด ออกมาวาดลวดลาย โซโล่กีตาร์ คั่นเวลา และเป็นการให้คนดูได้พักผ่อนคลายลงบ้าง ก่อนที่จะเริ่มขับกล่อมกันต่อในเพลง "ตายก่อนกาล" "สองฟากฝั่ง" ช่วงนี้ซาวด์จากเดิมที่ดีอยู่แล้ว กลับดียิ่งขึ้นไปอีก(ชัดมากกว่าช่วงแรก) อันดีต้องยกนิ้วให้คน Mix ว่าพี่แก่เก่งจริงๆ ว่ะ
ลีลาบนเวทีของพี่ท่านแต่ละคนบอกได้เลยว่า "เยี่ยม" คงเพราะแต่ละคนรู้ในหน้าที่ของตัวเองดี การแสดงจึงมี ประสิทธิภาพขนาดนี้และรู้สึกได้ถึงการซักซ้อมที่แสนหนัก การเตรียมงานที่แสนเหนื่อย แต่ทว่าทางค่ายก็มองไม่เห็นคุณค่าของคำว่า "ทุ่มเท" มากกว่าคำว่า "เม็ดเงิน" หรอกว่ะ ต่อกันด้วยเพลง "รุ่งเรือง" "ก่อนจะไร้ซึ่งวิญญาณ" แล้วพักเหนื่อยกันอีกที เหลือบดูหน้าปัด ที่ข้อมือก็ประมาณ 17:40 น. เป็นเรื่องธรรมดาของแนวเพลงที่ต้องใช้พลัง อย่างมากโขในการขับขาน จำเป็นยิ่งที่ต้องคั่น เวลาเป็นระยะๆ ทั้งได้ประชาสัมพันธ์ถึง การร่วมสมทบทุน "โครงการอนุรักษ์ ป่าต้นน้ำภูสัน" จ.น่าน ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ ที่หาสัมผัสได้ ยากในปัจจุบัน และนั้นก็เป็นอีกจุดประสงค์ นึงของการจัดคอนเสิร์ทนี้ด้วย
เป็นการจัดคอนเสิร์ต ที่ไม่ได้มีทางค่ายใหญ่อย่าง Warner เข้ามารองรับด้านทุนแต่อย่างใด เว้นแต่เสียแต่ด้าน ประชาสัมพันธ์และสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดงานเท่านั้น ซึ่งอาจเล็งเห็นผลที่ออกมานั้นมันไม่ได้คุ้มทุนอย่างไอ้พวกคอนเสิร์ต "ควายหัวดอ" อะไรเทือกนั้นหรอก! แต่สำหรับงานนี้เราเน้นความมันส์สะใจกันที่มนต์เสน่ห์ของแนวดนตรี มากกว่าความสะใจที่ได้เห็นพวก "คนดูโง่เง่า ปัญญาหมา ห่าเหี้ย เชือดเฉือนกันเอง"
มาถึงช่วงสุดท้ายก็คงสุดเหวี่ยงกันชนิดไม่ต้องยั้งจนจบด้วย "อุบาทว์-อุบัติ" "วิถีทาง" "ทำไม"(เพลงเดียวใน อัลบั้มแรกที่เล่นในวันนั้น) คนดูยังคงมันส์ขลังอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเพื่อให้สมกับที่ตั้งหน้าตั้งตา ตั้งใจรอคอยมานาน แล้วก็ถึง เพลง "สุดแท้ทางเดิน" เป็นเพลงจบที่เหมือนกับจะสั่งลา การแยกย้ายด้วยความประทับใจในย่ำค่ำคืนนี้
งานนี้เลิกลาเอาตอนเกือบๆ 6โมงเย็นช่างเป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งอันแสนวิเศษ และมีค่ามากมายที่เฝ้ารอคอย กันมานับหลายแรมหลายปีหรือเกือบๆ ครึ่งเส้นทางของพี่ๆ ดอนผีบินรวมทั้งบรรดาแหนเพลงขาร็อคทั้งหลายที่ต่างกำลังทะยอยออก จากเวทีหอประชุม AUA ก้าวหน้าเดินสู่โลกอัปรีย์แห่งความเป็นจริงกันต่อไป....
02 Sep 2021
Share