6 ปรากฏการณ์-ปรากฏกาย (Phenomenon)
1. ปรากฎการณ์
ปรากฎกาย (Phenomenon)
ทางรอดสุดท้ายให้หยุดยั้ง การทำลายล้าง ปลดปล่อยฟ้าให้เป็นไปตามใจฟ้า ปลดปล่อยเมฆาได้ล่องลอยอย่างเสรี หลังสิ้นแสงเริ่มสิ้นแรงหลังค่ำนี้สุรีย์แสง ลาลับลง อรุณรุ่งสัญญาณเริ่มสลายล่มเยือนทั่วหล้าธาราจะเหลือเพียงรอยธาน ปรากฎการณ์-ปรากฎกาย ดินน้ำลมไฟ เป็นกลไกเป็นชีวี ดินน้ำลมไฟปล่อยเป็นไป ให้ทุกอย่างเป็นไปตาม ให้นิยามนี้ได้ย้อนเยือน มาดังเดิม คิดเปลี่ยนผัน เปลี่ยนวันค่ำ คืนสุดท้าย กรายใกล้กราย ใกล้กราย ใกล้ค่ำ ย่ำมาเยือน ร้าวแล้วเริ่มแล้วเริ่มร้าวแล้ว ร้าวแล้ว ร้าวแล้ว ร้าวแล้ว เริ่มร้าวแล้ว ทุกชีวี ถูกบิดเบือน ฝั่นเฟือนแล้วทุกชีวี ค่ำคืนนี้ ใจเพ้อพร่ำ ฤาเป็น ฤาคืนสุดท้าย สับสนยังไม่สาย หากหยุดยั่งการทำลาย ก่อนไร้สิ้น ซึ่งความหมายอันทรงค่า ก่อนไร้สิ้นน้ำจากฟ้า ก่อนจะมีไหลจากตามาทดแทน หยุดการทำลายล้าง ปลดปล่อย ปลดปล่อย ปลดปล่อยไป ปลดปล่อยฟ้าให้เป็นไปตามใจฟ้า( ปลดปล่อย ปลดปล่อยไป ) ปลดปล่อยให้เมฆา ได้ไหลล่องอย่างเสรี( ปลดปล่อย ปลดปล่อยไป ) ปล่อยให้น้ำได้ไหลล่องไปแบบน้ำ ให้ทุกอย่างได้เป็นไปตาม ให้นิยามนี้ได้ย้อนเยือนมาดังเดิม
2. มันเริ่มมา
(Here It Comes)
ฆ่า ฆ่า ฆ่า เข่นฆ่า เข่นฆ่า ช่วงชิง ทำลายล้าง สร้างความวิบัติ วิปริต จิตป่วน วิญญาป่วย มหาวิบัติสาดซัด กระชากร่างแหลกเป็นซีกเสี้ยว ไร้สิ้นซึ่งเคยมีเผื่อแผ่ เมตตา อาทรอันเย็นร่ม ที่เคยห่มใจ.โฮ พระผู้เป็นจริงเรื่องราวของความเป็นจริง เลวทราม ชั่วร้าย เต็มล้นบนโลกนี้แล้ว โลกของเรา บ้านของเรา เริ่มบิดเบือน เคลื่อนตัว รุนแรง รุนแรง รุนแรง รุนแรง ถูกทำลาย ทำลาย ทำลาย ทำลาย ทำลาย ด้วยน้ำมือ น้ำมือ น้ำมือ น้ำมือ น้ำมือมาร แฝงกาย แฝงกาย แฝงกาย แฝงกายแฝง จำแลงร่างทรง ลงตรงจุดหมาย นำพา นำพา ความตาย หายานา มหาวิบัติ มาจุติเกิด ไร้ร่าง ไร้ตัวตน สิงสถิตอยู่ในใจคน สำแดงตนในยามวิกาล ซาตาน ซาตาน ทะมึนทึม อึมครึม ค่อยค่อยเลื่อนเคลื่อนกลายมา ผ่านรุ้งฟ้า สู่เริ่มรุ่งที่หมายมุ่งเป็นชีวี ทะมึนทึม อึมครึม เวทนา กาลล่วงมาเวลานี้ เต็มล้น ล้นแล้ว เต็มล้น ล้นแล้ว เลวทราม เต็มล้น ล้นแล้ว เต็มล้น ล้นแล้ว ชั่วร้าย เลวทราม ชั่วร้าย เต็มล้น บนโลก นี้แล้ว โลกของเรา บ้านของเรา โลกของเรา บ้านของพวกเรา
3. ...คือชีวิต
(Inst.) (Is Life)
4. ไม่เช่นนั้น
(If Not)
วอนวาน ร่วมต้านการทำลาย หากเป็นเช่นนั้น คงมิอาจคิดฝัน จะมีคืนวันอันรื่นรมย์ หากเป็นเช่นนี้ ชีวีมิอาจ ทนทานกับการเป็นไปได้อีกต่อไป หาไม่เช่นนั้น เผ่าพันธ์จะต้องรับกับวันแห่ง หา-ยา-นา เป็นอย่างไร? เกิดอะไร? กับวันใหม่ฟ้าหม่น ต่างคนรู้ดี ร่วมรักษ์พิทักษ์ ร่วมกันปลูกจิตสำนึก ให้ฟื้นคืนกลับมา วอนวาน ร่วมต้านการทำลาย วอนวาน ร่วมต้าน วัน-วาง-วาย (วอนวานร่วมต้านการทำลาย วอนวานร่วมต้าน วัน-วาง-วาย) ระลึกย้อนกันอีกครา กับคนวันที่ผ่านมา ตั้งสติกันอีกครา ทวนทางที่ผ่านมา ชีวา-ธรรมมา มิอาจแยกจากกัน วอนวาน ร่วมต้านการทำลาย วอนวาน ร่วมต้าน วัน-วาง-วาย หาไม่เช่นนั้น ในไม่ช้านี้
5. และแล้ว
Judgement Day (Inst.)
6. เพียงเริ่มทาง
( Just Beginning )
ไม่ต้องเศร้าหม่น เศร้าหมอง กับวิถีชีวีบนครรลอง กี่พ่าย ที่แพ้ เพียงแค่เริ่มไม่พอเพียง ครั้งเล่าที่เคยล้ม เพียงเรียนรู้ เพื่อเริ่มทาง สว่างแสงทวีร้อน หาได้ลับ หาได้ดับ เพียงเมฆบัง ค่อย ค่อยเก็บความหวัง ค่อยเรียงร้อย คอยสอดรับกับความฝัน พลังแห่งคืนวัน จะเติมสีให้ชีวีวันเข้ม อีกครา วันค่ำ คืนคล้อยค่อยลับหาย พ่ายแล้ว ลับแล้ว คอยค่อยกลับกลาย ท้อแท้เพียงแค่ทักทายค่อยกลับกลายเป็นทายท้า วันที่ท้อแท้เพียงแค่ภาพลวงแล้วเลือนหาย วันที่ท้อแท้เพียงแค่ทักทายค่อยกลับกลายเป็นทายท้า ผ่านเมฆบังสว่างแสง เริ่มแสงจ้าสว่างพร้อมเผชิญผจญไป เดินเคียงความมั่นใจไปเราไปพร้อมกัน พร้อมกับวัน ตร้อมรับกับวิถีกับชีวีวันอันเหน็บหนาว ไปจงเดินไปให้สุดขอบเขตของเรื่องราวคืนแห่งวัน ไปเดินไป ให้ถึงที่พร่ำฝันสุดทาง ถึงวัน สว่างแสงแรงรอเรา
7. คืนค่ำวัน
( The Night )
ค่ำลงอีกวัน สิ้นลงอีกวัน ชีวีได้ผันเปลี่ยน เวียนไปอีกครา และวันเวลาเริ่มเลื่อนเคลื่อนที่เคลื่อนคล้อยคล้าย กระซิบบอก ส่งสำเนียงเพียงเสียงเรียกชีวา เมื่อสุริยาได้ทอแสงแรงอ่อนลง เมื่อวันคืนได้หมดลง จบลง ลาลับลงตรงขอบฟ้า และชีวาลับลงตรงกาลเวลา นานไม่นาน ทุกดวงวิญญาณจำพานพบสู่ดินแดน ดำเนินเดินทางไร้วันจบสู่ภพใหม่ นานไม่นาน ใกล้เข้ามา ไกลใกล้เข้ามาใกล้เข้ามา วันคน วันใคร ไกลใกล้เข้ามาแล้วสาธุชน คนจัญไร ไม่ละเว้น(สายลมโชยพัดมา พากายกาลเวลาเลยลับลาโอสังขารา) วันคนวันใคร ไกลใกล้ เข้ามา ชีวีสิ้นวัน สิ้นเวลาดวงวิญญา หวนคืนสู่วิมานเมฆาลอยลาลับขอบฟ้า เรื่องราวลึกล้ำให้ยังคงย้ำได้ย้อนเยือน ชั่วดีมีจน ไม่ว่าคน คุณเป็นใคร สาธุชน คนจัญไร กระทำกรรมการใด ใครกระทำ เป็นทางนำสู่สรวงสวรรค์ ทิพย์วิมานเมฆาหรือลอยลับฟ้าสู่อเวจี
8. วันใหม่ วันหม่น
(A Hard Day)
ความร่มเย็น เปลี่ยนเป็นร้อนร้าว ความร่มเย็นเปลี่ยนเป็นร้อนร้าว ไร้แล้วไร้น้ำจากฟ้า ไหลจากดวงตามาทดแทนไร้แล้วไร้น้ำจากฟ้า ไหลจากดวงตามาทดแทน สะเทือน เฟือนฟั่น สั่นสะท้าน มิอาจต้านพิบัติภัย เมื่อไกกลเกาะกุมดวงใจ ครองครอบไว้ในกำมือแล้วสายลมเริ่มพัดพริ้วปลิวไสวไบไม้พลันร่วงหล่น ใจคนเริ่มโหยหา ไร้ใดเยียวยา เมื่อไกกลกระชากวิญญา คืนวันร่มเย็นเปลี่ยนเป็นร้อนร้าว มันก็เป็นไป มันก็เป็นจริง แล้วมันก็เป็นไป มันก็เป็นจริง แล้งแล้วร้าวแล้ว น้ำแล้งดินร้าว ไร้แล้วไร้น้ำจากฟ้า ไยร่มเย็นเปลี่ยนเป็นร้อนร้าว ไร้แล้วน้ำจากฟ้า หลั่งไหลจากดวงตามาทดแทน มันก็เป็นไป มันก็เป็นจริงแล้วมันก็เป็นไป มันก็เป็นจริง ลาลา สายฝนที่เคยพร่ำเคยนำพา ทุกชีวา ทั่วหล้าเคยเย็นร่ม น้ำน้ำน้ำน้ำน้ำ นิยามยิ่งใหญ่ โอ สายน้ำสายชีวาเคยไหลริน บัดนี้ทอด ทิ้งถิ่นห่างหาย สิ้นคืนวันฝันสลาย วางวาย หลุดครอบวิญญา โอ น้ำน้ำน้ำน้ำน้ำ ถูกทำลาย สายน้ำเหือดหายชีวาวางวายมลายสิ้น โอ เลวร้ายย่างกรายเลวร้ายย่างกราย เลวร้ายย่างกราย เลวร้ายย่างกราย เลวร้ายย่างกราย เลวร้ายย่างกรายเข้ามาประชิดชีวา เลวร้ายย่างกรายเข้ามาประชิดชีวา พาดผ่านคลุมฟ้า ล้อมไว้แล้วทุกดวงวิญญา เงาหา-ยา-นา กระจายฟุ้งคลุมฟ้า เริ่มรุ่ง เริมชีวา เริ่มรุ่ง เริ่มชีวา เริ่มรุ่งเริ่มชีวา เริ่มรุ่งเริ่มชีวา พร้อมหา-ยา-นา เริ่มรุ่งเริ่มชีวา พร้อมหา-ยา-นา
9. Return To The Nature III (Inst.)